ผลดีและประโยชน์ของระบบ นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งโดยตรง
สภาพปัญหา
|
ระบบรัฐสภา(ปัจจุบัน)
|
เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง
|
1 การซื้อเสียง
|
ซื้อเสียงผ่านหัวคะแนนและนักการเมืองท้องถิ่นและอิทธิพลของกำนันผู้ใหญ่บ้าน
เกิดการทุจริตถอนทุนและตุนเงินไว้รอซื้อเสียงเลือกตั้งรอบใหม่ เพราะหากชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล
มีอำนาจดูแลงบประมาณแผ่นดิน ทำให้การซื้อเสียงคุ้มค่าและกล้าเสี่ยง
นอกจากนี้การยกมือในสภาให้ผ่านมติแลกกับเงินก็เป็นการซื้อเสียงอย่างหนึ่ง
|
ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
การซื้อเสียงให้เป็นนายกฯกระทำได้ยากหรือมิได้เลย ทำให้ไม่จูงใจให้ซื้อเสียง ขณะที่ผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีอำนาจในการใช้งบประมาณโดยตรง
ทั้งนายกฯอาจเป็นผู้สมัครอิสระ หรือพรรคฝ่ายตรงข้ามกัน
ดังนั้นย่อมไม่จูงใจสมาชิกรัฐสภาให้ซื้อเสียงเข้ามา เพราะเสี่ยงไม่คุ้มทุน หากการเมืองระดับชาติดี
ย่อมบังคับให้ระดับท้องถิ่นต้องดีตามไปด้วย โดยอาจไม่ต้องปรับปรุงระบบในระดับท้องถิ่น
|
2 การทุจริตของนักการเมือง
|
การทุจริตมีสาเหตุหนึ่งจากการลงทุนซื้อเสียงแล้วต้องถอนทุน
ส่วนอีกสาเหตุนั้นเกิดจากความโลภของฝ่ายบริหาร และยิ่งเป็นรัฐบาลผสม ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองมาก ทำให้นายกฯไม่อาจควบคุมการทุจริตของพรรคร่วมได้
|
การมีนายกฯมาจากการเลือกตั้งระดับประเทศ
ทำให้เป็นระบบที่ไม่ต้องการหัวคะแนน หรือนักการเมืองท้องถิ่นมาช่วยหาเสียง เพราะเป็นการเมืองระดับชาติ
นโยบายระดับชาติ ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ผู้สมัครนายกฯไม่ลงทุนหาเสียง
เพราะรัฐอุดหนุนค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเหตุจูงใจให้ทุจริต
ทั้งนายกฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยเสรี โดยมาจากนักวิชาการอิสระก็ได้ ดังโบราณว่า “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก”ทำให้การเมืองระดับท้องถิ่นก้าวหน้าตามไปด้วย
|
3 เสถียรภาพของรัฐบาล
|
รัฐบาลมีเสถียรภาพน้อย
ส่วนใหญ่ไม่อาจครองเสียงข้างมากในสภาได้ ได้รัฐบาลผสม พรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจมากในการต่อรองย้ายข้าง ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ
ควบคุมการทุจริตพรรคร่วมยากเพราะยอม นโยบายขาดความต่อเนื่อง แต่บางสมัยรัฐบาลอาจมีเสถียรภาพมาก
พรรคเดียวครองเสียงข้างมากในสภา พรรคได้รับความนิยมมาก
ทำให้มติพรรคมีอำนาจมากเหนือความถูกต้องชอบธรรม
หรือเหนือเอกสิทธิ์การลงมติของผู้แทน ทำให้เกิดพวกมากลากไปได้ง่าย
|
การแต่งตั้งและให้พ้นตำแหน่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรง
ไม่มีอำนาจต่อรองของพรรคการเมืองได้ เพราะนายกต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อประชาชน
ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ มิใช่การต่อรองตำแหน่งตามโควต้าของมุ้งในพรรคอย่างระบบรัฐสภา
ทำให้ชาติก้าวหน้า เจริญ รุ่งเรืองทัดเทียมอารยะประเทศในที่สุด
|
4 การทุจริตและซื้อซื้อตำแหน่งของข้าราชการ
|
ข้าราชการซื้อตำแหน่งจากหน่วยเหนือและนักการเมือง
และทำให้ต้องหาเงินจากสิ่งผิดกฎหมาย เรียกรับเงินโดยทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ ขรก.ระดับล่างหาเงินซื้อตำแหน่งจากหน่วยเหนือ
หน่วยเหนือซื้อตำแหน่งจากนักการเมือง
หรือยอมเป็นพวกอยู่ใต้อิทธิพลฝ่ายการเมืองแลกกับการโยกย้ายเลื่อนตำแหน่งแต่งตั้ง
เป็นวังวนความชั่วร้ายไม่สิ้นสุด
|
นายกฯมาจากผู้สมัครอิสระ
สังกัดพรรค หรือสายมหาวิทยาลัยก็ได้
ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ข้าราชการไม่อาจเลือกข้างพรรคใดได้
ทั้งนายกฯมาจากการเลือกตั้งระดับประเทศมาจากสายใดก็ได้
ทำให้ข้าราชการมีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกกลั่นแกล้งโยกย้าย
ทั้งผู้แทนในสภาไม่มีอำนาจแบบระบบรัฐสภา(ที่อาจเป็นสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล)ทำให้ผู้แทนไม่มีบทบาทต่อข้าราชการโดยตรง
ย่อมไม่เกิดการล้วงลูกให้วุ่นวาย
|
5.ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน
|
ระบบปัจจุบันมีองค์กรอิสระจำนวนมาก
และไม่มีเกณฑ์การรับคำร้องที่ดีพอ ทำให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ร้องขอให้ตีความหยุมหยิม
เฟ้อ และเลยเถิด
ทำให้บริราชการแผ่นดินล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ
ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
|
เพื่อให้นายกฯที่เป็นตัวแทนของมหาประชาชนได้ทำงานในตำแหน่งอย่างราบรื่น
อาจต้องยุบเลิกองค์กรอิสระที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
เช่น ศาลปกครอง ศาลรธน. ปปช. กสม. ผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วให้สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา
กรรมการรัฐธรรมนูญ อัยการสูงสุด และมูลนิธิเอกชนทำหน้าที่แทนกสม.ตามลำดับ
เว้นแต่องค์กรอิสระปัจจุบัน ถูกเปลี่ยนแปลงที่มาของกรรมการ
และมีเกณฑ์การรับคำร้องที่ดี
จึงอาจให้มีองค์กรอิสระไว้ต่อไปได้
|
6.ความต่อเนื่องของนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสังคม
|
เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ
มีอายุสั้น ต้องยุบสภา และลาออกบ่อย
เมื่อได้รัฐบาลใหม่
มีนโยบายอันใหม่มาแทนที่รัฐบาลเก่า
ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติสะดุด และไม่ต่อเนื่อง ผลที่ได้คือ
ทำให้ประเทศไทยล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก
|
นายกรัฐมนตรีมีโอกาสอยู่ในตำแหน่งครบวาระคือ
5-6 ปี ทำให้การผลักดันนโยบาย แผนงาน โครงการเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
ทั้งผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่มีหน้าที่โดยตรงในฝ่ายบริหาร จึงไม่อาจก้าวก่ายการทำงานได้
ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมีรูปธรรมที่ชัดเจน เป็นสังคมที่ฝ่ายบริหารทำงานด้วยสติปัญญาและเหตุผลกว่าระบบปัจจุบันมาก
|
7.ปัญหาการถ่ายทอดสดการประชุมสภา
|
ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดประชุมสภา
โดยเฉพาะญัตติไม่ไว้วางใจ มีการประท้วง วาจาหยาบคาย กิริยาคุกคาม ขว้างปาสิ่งของ
เล่นเกมการเมืองจนเลยเถิด ทำให้ประชาชนเบื่อและเสื่อมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย
เพราะนักการเมืองจ้องคอยแต่ทำลายฝ่ายตรงข้ามทุกรูปแบบ ใช้แต่สำนวนโวหาร
เสียดสีฝ่ายตรงข้าม มากกว่าการอภิปรายเนื้อหาสาระแบบทางวิชาการที่ประชาชนฟังแล้วได้ความรู้
|
การถ่ายทอดสดประชุมทั่วไปของสภา
เป็นการอภิปรายปัญหาเศรษฐกิจและสังคม มีเนื้อหาและบรรยากาศแบบทางวิชาการ ทำให้ประชาชนสนใจอยากติดตาม
ได้สาระความรู้ และตอบคำถามแบบสาระความรู้
เพราะไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
การถ่ายทอดสดทำให้ประชาชนศรัทธาระบอบการปกครองและมีความหวงแหนอยากปกป้องรักษา เกิดการเรียนรู้ทางการเมือง
เป็นการปิดทางมิให้เรียกหาอำนาจนอกระบบบอีกต่อไป
|
8.พลังเงียบ
|
กลุ่มจัดตั้งมีพลังอำนาจและเสียงดังกว่าพลังเงียบที่มีจำนวนมาก
เพราะระบบรัฐสภาบังคับให้สังกัดพรรค ทำให้ตัดสิทธิผู้สมัครอิสระ
|
พลังเงียบมีบทบาทมากขึ้น
ทั้งการสมัครรับเลือกตั้งนายกและสมาชิกรัฐสภา
เพราะไม่บังคับให้ผู้สมัครสังกัดพรรค และการที่ประชาชนเสนอชื่อผู้สมัครอิสระได้เอง
ช่วยผู้สมัครหาเสียง หรือให้เงินบริจาค ทำให้พลังเงียบกลายเป็นยักษ์ที่ถูกปลุกให้ตื่น
|
9.ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย
|
ระบบปัจจุบัน
ทำให้นักการเมือง รัฐบาล หัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ
การทุจริตและสิ่งผิดกฎหมายมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เพราะข้าราชการเกรงกลัวอำนาจอิทธิพลฝ่ายการเมือง
ขณะฝ่ายการเมืองพึ่งพาหัวคะแนนและนักการเมืองท้องถิ่นในการหาเสียง ทำให้ธุรกิจผิดกฎหมายของหัวคะแนนทั้งหลายดำรงอยู่ได้
โดยข้าราชการไม่กล้าแตะต้อง แถมคอยคุ้มครองดูแล ทำให้กฎหมายไม่มีสภาพบังคับกับสมาชิกของเครือข่ายทางการเมือง
ทำให้เกิดสภาพบ้านเมืองไม่มีขื่อแปในที่สุด
|
นายกรัฐมนตรีอาจมาจากช่องทางใดใน
3 สาย อันยากพยากรณ์ทำให้การจับขั้วทางการเมืองมีพลวัตรที่ไม่แน่นอน
ยากแก่การผูกขาด ทั้งการหาเสียงเลือกตั้งมีเงินอุดหนุนทำให้ไม่ต้องพึ่งพาผู้แทน
นักการเมืองท้องถิ่นและหัวคะแนน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปได้จริง
เพราะไม่ต้องเกรงใจผู้แทน หรือหัวคะแนน ขณะเดียวกันรัฐมนตรีร่วมครม.นายกเสนอแต่งตั้งได้โดยอิสระมากกว่าโควต้าการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลในระบบรัฐสภา
ทำให้นายกมีอำนาจต่อรองสูงคนร่วมครม.ได้สูง มีอำนาจและอิสระมากขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายเมื่อเปรียบเทียบกับระบบรัฐสภาของไทย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น